Because He Who Sent Me Will Direct Me

Santiparp Peerapakorn
2 min readSep 10, 2022

--

เพราะพระผู้ส่งเรามาจะชี้ทางเรา

I am here only to be truly helpful.
I am here to represent Him Who sent me.
I do not have to worry about what to say or what to do, because He Who sent me will direct me.
I am content to be wherever He wishes, knowing He goes there with me.
I will be healed as I let Him teach me to heal.
— A Course in Miracles

เรามาที่นี่เพียงเพื่อจะเป็นประโยชน์กับผู้อื่นอย่างแท้จริง
เรามาที่นี่เพื่อเป็นตัวแทนของพระผู้ส่งเรามา
เราไม่ต้องกังวลว่าจะพูดอะไร หรือจะทำอะไร เพราะพระผู้ส่งเรามาจะชี้ทางเรา
เรายินดีที่จะไปที่ใดก็ตามที่พระประสงค์ ด้วยรู้ว่าพระจะไปที่นั่นพร้อมกับเรา
ในขณะที่พระองค์สอนให้เราเยียวยาผู้อื่น ตัวของเราเองก็จะได้รับการเยียวยาเช่นกัน — อะ คอร์ส อิน มิราเคิลส์

เวลาที่ผมกังวลใจว่าจะต้องทำอะไรต่อไปในชีวิต ถ้าไม่สวดหาแม่พระผมก็จะพร่ำสวดข้อความจากอะคอร์สอินมิราเคิลส์ นี้เสมอ แม้หลาย ๆ ครั้งใจอาจจะไม่ได้เชื่อตามมากนัก แต่อย่างน้อยการออกเสียงข้อความที่มีพลังบวกออกมาก็ทำให้ผมเย็นลง

สองสามเดือนมานี้อาการของผมไม่สู้ดีนัก จิตแพทย์ที่ดูแลผมอยู่สั่งเพิ่มยาเป็นสองเท่า และถึงแม้ระดับยาจะสูงปานนั้นก็เถอะ ผมก็ยังหายใจไม่ทั่วท้องอยู่ดี สุดท้ายผมก็ทำงานต่อไม่ไหว แม้งานที่ว่าจะเป็นงานที่ผมรักเหลือเกิน และจะเป็นหนึ่งในไม่กี่แหล่งรายได้ของผม ในที่สุดผมก็ต้องทำลายมันทิ้งด้วยมือของผมเอง เหมือนกับไพ่ The Tower ในสำรับไพ่ทาโรต์

ตำราต่าง ๆ ฝ่ายนิวเอจมักจะสอนกันว่าบทเรียนชีวิตเป็นสิ่งที่เราจะต้องเจอซ้ำ ๆ จนกว่าเราจะเข้าใจ ซึ่งผมว่าจริงที่สุดเลย เพราะผมเจอไพ่ The Tower “ไพ่ตึกพัง” ในชีวิตมาหลายครั้งแล้ว และแต่ละครั้งก็เจ็บปวดเหลือเกิน แต่สุดท้ายผมก็ยังไม่เก็ท หรืออย่างน้อยก็ยังไม่พร้อมจะยอมรับบทเรียนที่ว่าก็เป็นไปได้ แต่นั่นก็ไม่เป็นไร ผมหวังว่าผมจะเข้าใจและ “สอบผ่าน” ในครั้งหน้าที่บทเรียนนี้มาเยือนอีกครั้ง

บทเรียนที่ว่าคืออะไร? — คุณอาจจะถาม … บทเรียนที่ว่าก็คือการเลือกความรักเหนือความกลัวเสมอ ซึ่งเป็นบททดสอบที่ผมสอบตกมาตลอด

อะคอร์สอินมิราเคิลส์สอนว่าในสากลจักรวาลนี้มีพลังอำนาจสูงสุดเพียง 2 ชนิดเท่านั้นคือความรัก กับความกลัว ผู้รับใช้ความรักมีนามว่าพระจิต หรือพระวิญญาณบริสุทธิ์ (The Holy Spirit) หรือบางตำราจะเรียกว่าวิญญาณ (The Soul) ในขณะที่ผู้รับใช้ความกลัวมีนามว่าอีโก้ The Ego หรือก็คืออัตตาตัวตน ซึ่งเป็นต้นตอของความกังวล ความเศร้า และความไม่สบายใจทั้งมวล ทั้งผู้รับใช้ความรัก — The Soul และผู้รับใช้ความกลัว — The Ego ทั้งคู่อยู่ในตัวเรา (เหมือนเทวดากับปีศาจที่เราเห็นบ่อย ๆ ในการ์ตูน)

ไม่สำคัญว่าพวกเราจะเรียกมันว่าอะไร แต่อำนาจที่เรียกว่าความกลัวมีอยู่จริง (อย่างน้อยก็ในโลกของพวกเรานี้) และมันได้ให้กำเนิดอำนาจด้านลบอีกมากมายอย่างความเกลียดชัง ความอิจฉาริษยา หรือความมุ่งร้าย และเพราะมนุษย์มักศิโรราบให้กับอัตตาอันเป็นผู้รับใช้อำนาจเหล่านี้ เราจึงเห็นสงครามและความขัดแย้ง รวมไปถึงความชั่วช้าเลวทรามทั้งหลายเกิดขึ้นตลอดเส้นทางประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ

ผมเชื่อว่าเราทุกคนจะเห็นตรงกันในข้อนี้ ไม่ว่าคุณจะนับถือศาสนาใดก็ตาม หรือไม่นับถืออะไรเลยก็ตาม: ถ้าเราเดินออกห่างจากความรักเมื่อไหร่ ความพินาศจะเกิดกับเราเมื่อนั้น ทั้งในระดับเล็กน้อยอย่างระดับปัจเจก ระดับสังคม ไปจนถึงระดับโลก ระดับจักรวาล

และความรักที่ว่านี้ไม่ใช่ความรักโรแมนติก แต่เป็นความดีงามสูงสุดเพียงประการเดียวในจักรวาล คือแสงสว่างเจิดจ้าไร้ขอบเขต คือแหล่งกำเนิดชีวิต ไร้จุดกำเนิด ไร้จุดสิ้นสุด เป็นสิ่งเดียวที่เที่ยงแท้ และเป็นนิรันดร์

ไม่มีถ้อยคำใดสามารถใช้จำกัดความสิ่งนี้ได้อย่างสมบูรณ์ คำว่า “ความรัก” เป็นคำที่ใกล้เคียงที่สุดแล้วในระบบภาษาที่เรามีอยู่ แต่ยังมีคำอื่น ๆ ที่ยังสามารถพอใช้แทนคำว่าความรักนี้ได้อยู่บ้าง ชาวคริสต์อาจจะเรียกสิ่งนี้ว่า “พระเจ้า” แต่สำหรับคนไทย คำว่า “ความเมตตา” อาจจะทำให้เข้าใจได้มากกว่า

ดังนั้นเราต้องเลือกความรักเสมอ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม หากจะเปรียบเป็นการขับรถ ความรักจะต้องเป็นคนขับและคนนำทาง อย่างอื่นที่เหลือต้องเป็นผู้โดยสาร และไม่มีสิทธิ์จับพวงมาลัยรถ

แต่เพราะมนุษย์มี Free Will เจตจำนงเสรี เราจึงมักเลือกให้ความกลัวหรืออีโก้เป็นคนขับมากกว่า และพวกมันนี่เองที่ขับพาเราลงเหว

มันไม่ง่ายนักที่จะมีเมตตาในโลกใบนี้ที่เต็มไปด้วยคนชั่วช้าเลวทราม หรือคนที่เห็นแก่ตัว แต่ถ้าเราอยากจะเป็นอิสระ เราไม่มีทางเลือกนอกจากกลับไปหาความรักอันเป็นแหล่งกำเนิดของทุกสิ่ง

อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าเราควรจะหลับหูหลับตาปล่อยให้คนชั่วครองเมือง นั่นไม่ใช่การฝึกฝนทางจิตวิญญาณ แต่เป็นการหนีปัญหา สิ่งที่เราควรทำคือจัดการพวกเขาตามกฎของโลก แต่ขณะเดียวกันก็วางใจให้เมตตาตามกฎของวิญญาณ

อะคอร์สอินมิราเคิลส์ เรียกทุกคนว่า “พี่น้อง” นั่นเพราะในความเป็นจริงมนุษย์ทุกคนสัมพันธ์กันแบบนั้น ไม่มีใครแยกจากใคร ไม่มีใครเหนือกว่าใครหรือดีกว่าใคร ทุกคนล้วนเป็นบุตรธิดาของความรักที่มีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน ถ้าพี่น้องของเราทำผิด เราสามารถเรียกร้องให้พวกเขารับโทษได้ แต่ถึงอย่างนั้น เราก็ยังควรให้ความรักกับพวกเขาในฐานะพี่น้อง เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้องเพียงอย่างเดียวในจักรวาล

กลับมาที่เรื่องของผม ผมมักมีปฏิกิริยาเสมอเมื่อมีใครมาโจมตีผมทางคำพูด (อะคอร์สอินมิราเคิลส์ เรียกตรงตัวเลยว่า Attack) อาจจะเป็นเพราะความนับถือตัวเองของผมไม่ค่อยมีตั้งแต่ต้น ทำให้ผมค่อนข้างมีปฏิกิริยาตอบรับต่อเรื่องทำนองนี้แรงกว่าคนทั่วไป และ ณ วินาทีนั้น ผมก็เลือกความกลัวเหนือความรักไปเสียแล้ว ถ้าจะใช้ภาษาตามอะคอร์สอินมิราเคิลส์ ก็คือ ผมลืมความศักดิ์สิทธิ์ (Holiness) ของตัวเองไป และที่สำคัญคือ ลืมความศักดิ์สิทธิ์ของอีกฝ่ายไปด้วย

เพราะโดยเนื้อแท้แล้วเราทุกคนเกิดจากความรัก เราจึงมีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเอง และเพราะมีเพียงความรักเท่านั้นที่ดำรงอยู่ ความกลัวจึงไม่มีอยู่จริง และ Attack นั้นจึงไม่มีอยู่จริงด้วย (อย่างน้อยก็ทางจิตวิญญาณ Spiritually)

ณ วินาทีนั้น ผมลืมที่จะวางมือลงบนหัวใจตัวเอง และตั้งใจฟัง — เราไม่ต้องกังวลว่าจะพูดอะไร หรือจะทำอะไร เพราะพระผู้ส่งเรามาจะชี้ทางเรา ผมปล่อยให้อีโก้ของผมทำงาน โดยลืมวิญญาณที่แท้ไว้ข้างหลัง ผมเชื่อว่าถ้าวินาทีนั้นผมเลือกความรักก่อน เรื่องคงจะไม่จบแบบนี้

ดังนั้น ในฐานะที่เราทุกคนเริ่มต้นใหม่ได้ทุกวัน วันนี้ผมขอเลือกความรัก เหนือความกลัว เหนือความสิ้นหวัง เหนือความเกลียดชังใด ๆ และเพราะผมเลือกความรัก วิญญาณของผมจะชี้ทางต่อไปเองโดยไม่ต้องร้องขอ เหมือนเมล็ดพันธุ์พืชที่เติบโตเป็นไม้ใหญ่ได้โดยไม่มีใครสอน หรือเหมือนฤดูกาลที่ผันแปรไปโดยไม่มีใครควบคุม ความรักมีภูมิปัญญาลึกล้ำของมันเอง และเพราะอย่างนั้น มันจึงไม่มีวันพาเราหลงทางเลย

เรามาที่นี่เพื่อที่จะรัก เพราะความรักส่งเรามา
เราไม่ต้องกังวลว่าจะไปทางไหน เพราะความรักจะนำทางเรา

Only Love is Real

--

--

Santiparp Peerapakorn
Santiparp Peerapakorn

Written by Santiparp Peerapakorn

Hekatean/Luciferian Witch/Sorcerer-for-Hire. Cartomancer. Modern Mystic. Goddess-Worshipper.

No responses yet