Magic is born of Love.

เวทมนตร์เกิดจากความรัก

Santiparp Peerapakorn
1 min readMay 9, 2023

#184daysofwitchcraft Post №10

มันอาจจะฟังดูประหลาดว่าความรักมาเกี่ยวกับเวทมนตร์ได้อย่างไร? แต่จากการเดินทางบนสายนี้มานานเกือบ ๆ 20 ปีละ ผมก็ตกผลึกได้ว่าไม่มีอะไรจะสำคัญไปกว่าความรักอีกแล้ว

ความรักที่ว่ามีอีกหลายชื่อ: ความเมตตา ความกรุณา Loving Kindness ความเห็นอกเห็นใจ ความโอบอ้อมอารี ฯลฯ หรือจะมองว่าความรักเป็นหัวขบวนที่เดินนำความดีงามอย่างอื่น ๆ ทุกประการในโลกก็ได้ (เช่น Trust, Beauty, Hope and Faith etc.)

อาจจะต้องเท้าความกลับไปว่า จริง ๆ พวกเราชาวมนุษย์มีอำนาจในทางเหนือธรรมชาติน้อยนิดมาก ๆ การที่แม่มดทำอะไรต่ออะไรได้อย่างมหัศจรรย์ผิดธรรมชาตินั้นต้องอาศัยสปิริต/สิ่งที่มองไม่เห็น/สิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งก็เป็นเพื่อน ๆ ของเราที่อยู่ “อีกฝั่ง” เป็นคนทำให้ทั้งสิ้น แต่เพื่อน ๆ ของเราเองก็มีเรื่องที่ทำไม่ได้อยู่ นั่นก็คือการสร้างสรรค์วัตถุทางกายภาพขึ้นมาจากความว่างเปล่า (เช่น การทำงานศิลปะ หรือการเขียนหนังสือ) เราทั้งสองฝั่งจึงต้องพึ่งพาซึ่งกันและกันตลอดมา และเพราะเราต้องพึ่งพากัน จึงเกิดเป็น Relationship หรือความสัมพันธ์

และในความสัมพันธ์ อะไรจะทำหน้าที่ยึดโยงทั้งสองฝ่ายไว้ด้วยกันได้ ถ้าไม่ใช่ความรัก?

โรบิ้น ซึ่งเป็นครูวิญญาณคนแรก ๆ ของผมก็สอนอะไรทำนองนี้ไว้เหมือนกัน อย่างเช่น (คัดมาจากที่จดไว้):

เวทมนตร์ขับเคลื่อนด้วยความรัก ผู้ใดไร้รัก ผู้นั้นไร้เวทมนตร์

พวกเราทำให้พวกเธอเป็นแม่มดก็เพราะรัก เพราะพวกเรารักเธอ และอยากให้เธอได้สิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่โลกนี้จะพึงมอบให้ เราจึงสอนสรรพวิทยาคมให้เธอ และทำให้เธอ “แตกต่าง”

เวทมนตร์สัมฤทธิ์ผลเพราะความรัก: แม่มดรักในวิถี รักในบรรพชนและสปิริตของตน พวกเขาจึงตอบแทนความรักด้วยความรัก และเพราะอย่างนั้น สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ จึงเป็นไปได้

ดังนั้น วันนี้สั้น ๆ ตรงประเด็นเลย: คำถามที่เราต้องถามเพื่อทบทวนตัวเองเสมอคือ เราคู่ควรกับความรักของพวกเขารึเปล่า?

ลองมองตัวเราเองในมุมของ “อีกฝั่ง” ดูบ้าง พวกเขาจะเห็นอะไร?

พวกเขาจะเห็นความจริงใจ ความรักความศรัทธา หรือความโอบอ้อมอารีต่อคนอื่น ๆ รอบตัวมั้ย? พวกเขาจะเห็น “แสงสว่าง” นั้นหรือไม่? ที่เป็นแสงเดียวกันกับที่เรืองรองอยู่ในบรรดาทวยเทพเบื้องบน (และเบื้องล่าง)

หรือพวกเขาจะเห็นแต่ Ego-ตัวกูของกู หรือความมืดบอด ความเกลียดชัง หรือความยินดีในความทุกข์ของผู้อื่น? พวกเขาจะยังเห็น “ทิพยภาวะ” หรือ “แสงประภัสสร” อันงดงามในตัวเรามั้ย? หรือมันถูกปกคลุมไปหมดด้วยความมืดดำของ Ego?

พูดง่าย ๆ ถ้าคุณเป็นคนที่คนด้วยกันไม่คบ สปิริตก็ไม่คบคุณเหมือนกัน

และแม่มดที่สปิริตไม่คบหาด้วย จะยังใช้เวทมนตร์ได้อยู่มั้ย? จะยังเรียกตัวเองว่าแม่มดได้อยู่มั้ย? ลองคิดให้ดีนะครับ

ความรักไม่ใช่เรื่องไร้สาระ หรือเรื่องฟุ้งฝัน ความรักเป็นสิ่งจำเป็น เป็น Necessity เป็น Priority เป็นสิ่งสำคัญประการเดียวที่จะพาพวกเราไปข้างหน้าในฐานะมนุษยชาติ

และอีกอย่างที่น่าจะมีความสำคัญพอ ๆ กัน คือการเข้าใจว่าสิ่งที่เราทำนั้นเป็นความรักความเมตตา แต่จริง ๆ มันไม่ใช่ ซึ่ง ไม่มีใครให้สูตรสำเร็จกับคุณได้ว่าจริง ๆ แล้วมันควรเป็นยังไง ตรงนี้เราจึงจำเป็นต้องใช้วิจารณญาณ ประกอบกับสามัญสำนึกให้มาก และที่สำคัญ เราต้องอ่อนน้อมถ่อมตนเพียงพอที่จะฟังคำแนะนำของผู้อื่น

การยอมทุกอย่าง ไม่ใช่ความรักความเมตตา แต่เป็นการทำร้ายตัวเอง (และในบางครั้งก็ทำร้ายผู้อื่นที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย) เพราะคุณไม่รู้จักการเคารพใน Boundaries หรือขอบเขตของตัวเอง

การเลือกที่รักมักที่ชังไม่ใช่ความรักความเมตตา แต่เป็นกลลวงอย่างหนึ่งของ Ego และ It’s just plain pathetic.

ความรักที่แท้ไม่มีขอบเขต ไม่มีประมาณ ไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก ความรักที่แท้เชื่อมเราไว้ด้วยกัน และไม่มีการแบ่งแยก ความรักไม่ใช่การยอมแพ้ ความรักไม่ใช่หนทางของคนขี้ขลาด ในทางกลับกัน มันต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมากในการที่จะ “รัก”

ความรักที่แท้ทำให้เราเป็นคนเต็มคน และเพราะอย่างนั้น ความรักจึงทำให้แม่มดเป็นแม่มดที่ทรงอำนาจด้วย

ดังนั้น ขอให้ความรักเป็นดาวเหนือของทุกคนนะครับ

--

--

Santiparp Peerapakorn
Santiparp Peerapakorn

Written by Santiparp Peerapakorn

Hekatean/Luciferian Witch/Sorcerer-for-Hire. Cartomancer. Modern Mystic. Goddess-Worshipper.

No responses yet