She Will Never Look Away
#184daysofwitchcraft Post №16
นี่คงจะเป็นโพสต์สุดท้ายที่ผมจะโพสต์ให้คนนอกอ่าน หลังจากนี้ทั้งหมดจะไปต่อในบ้านธอร์นแอปเปิ้ล “โคเวน” อันเป็นที่รักยิ่งของผม เพราะผมได้พูดทุกอย่างที่อยากพูดกับสาธารณะไปแล้ว ถึงเวลาต้องมาจัดลำดับความสำคัญ และแน่นอนว่า บ้านธอร์นแอปเปิ้ลคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณจริงจังกับการเดินบนถนนไร้ชื่อสายนี้ ผมอยากให้คุณมาร่วมกับเรา เพื่อสร้างสังคมแม่มดใหม่ที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง >>> https://papasongbkk.gumroad.com/l/thornapple
เคยมีคนถามผมว่า ผมรู้สึกเสียใจที่เลือกเรียนหมอรึเปล่า ซึ่งจนมาถึงตอนนี้ผมก็ยังตอบไม่ได้ เพราะใจหนึ่งคิดว่า ถ้าไม่เลือกตอนนั้นก็ดี ป่านนี้คงได้เป็นเภสัชขายยารวย ๆ ไปแล้ว แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่า นั่นอาจเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คือเป็น Spirit Initiation “การประสิทธิ์ประสาทวิชาโดยสปิริต” แบบนึง
คณะแพทย์ได้เตรียมการให้ผมก้าวไปสู่การเป็นแม่มดที่ยิ่งใหญ่ บางครั้งผมก็เลือกที่จะมองอย่างนั้น ใครจะได้ใกล้ชิดและทำงานกับพลังอำนาจที่ยิ่งยงที่สุดในจักรวาล ถ้าไม่ใช่บรรดาแพทย์ในสมัยใหม่นี้? เราใกล้ชิดกับความตายทุกวัน คนตายเป็นครูของเรา (ครูใหญ่) เรามีอำนาจในมือที่จะโกงความตายได้ (ในบางครั้ง) และที่สำคัญ มือเดียวกันที่ลงมีดผ่าตัดนี่แหละ ที่ดึงทารกออกมาจากครรภ์มารดา เปิดประตูแห่งชีวิตให้กับวิญญาณดวงใหม่บนโลก แพทย์ (และ by extention คือรวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ทั้งหมดด้วย) คือผู้วิเศษ พระและพระสตรีผู้รับใช้อำนาจที่ลึกลับที่สุดในจักรวาล: พลังแห่งชีวิต และพลังแห่งความตาย
This is Magic, too. You cannot persuade me to think otherwise!
ครั้งแรกที่ผมทำคลอด ผมจำได้ว่าผมร้องไห้ ไม่ใช่เพราะมันยาก หรือกดดันอะไร แต่เป็นเพราะชีวิตมันงดงามมากนั่นเอง
“ชีวิตใหม่” ตัวน้อยอยู่ในมือผม เล็กนัก และเปราะบางนัก เราจะถูกสอนเสมอว่าเวลาทำคลอด สิ่งแรกที่ต้องทำทันที (หลังจากทำความสะอาดเนื้อตัวอะไรต่าง ๆ แล้วนะ) คือการวางทารกลงบนอกแม่ (Skin-to-skin Contact) ภาพที่คุณแม่มือใหม่ยิ้มทั้งน้ำตายังติดตาผมอยู่เลย …
เธอรักลูกน้อยของเธอทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้จักกัน นี่เป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไขใด ๆ เป็นรักที่แท้ยิ่งกว่าแท้ ความรักของพระผู้สร้างสะท้อนให้เห็นชัดเจนอยู่ในห้องคลอดนั้นจนแทบจะสัมผัสด้วยได้ด้วยมือ ภาพของมารดาที่มีลูกน้อยอยู่แนบอกจึงเป็นจินตภาพที่อยู่กับเรามาตั้งแต่ไหนแต่ไร เพราะมัน “ทัชใจ” พวกเราอย่างแรงนั่นเอง
เวทมนตร์เองก็เป็นอย่างนั้น นางรักพวกเราทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้รู้จักกัน
เวทมนตร์เองไม่ได้ยิ่งใหญ่คับจักรวาล เพราะในโลกทางกายภาพนี้ก็มีบางเรื่องที่นางทำเองไม่ได้ หรือบางครั้งก็ด้วยกฎจักรวาลบ้าบออะไรก็ตาม ทำให้นางไม่สามารถช่วยพวกเราได้เต็มที่ — แต่นางจะไม่ไปไหนทั้งนั้น เพราะเวทมนตร์ไม่มีวันละทิ้งคนที่ยื่นมือไปหานาง นี่เป็นสิ่งที่พวกเราเล่าขานกันครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดความเป็นไปของอารยธรรมมนุษย์
เหมือนแม่พระตอนพระคริสต์ถูกตรึงกางเขน พระนางก็อยู่ที่นั่น และพระนางจะไม่มีวันเบือนหน้าหนีไปจากฉากอันโหดร้ายตรงหน้า — She will never look away.
จนมาถึงวันนี้ ผมว่าเส้นทางของผมมันชัดมากแล้ว เหมือนกับว่าใครบางคนเตรียมการให้ผมมาทางนี้อย่างไรอย่างนั้น
ใช่ การเรียนหมออยู่ 6 ปีมันเป็นอะไรที่สาหัสมาก แต่มันเป็นการฝึกเวทมนตร์แบบนึงที่เข้มข้น เหมือนบรรดาผู้วิเศษในโลกโบราณที่ต้องไปอยู่ในหลุมระยะเวลาหนึ่งเพื่อให้ได้ปรีชาญาณมา
They went down to the House of Darkness in order to bring forth Light.
วันนี้ผมขึ้นมาจากหลุมแล้ว และผมก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ผมกล้าพูดได้เลยว่าเวทมนตร์ได้เปลี่ยนผมไปแล้วตลอดกาลจากหัวจรดเท้า จากข้างในสุดจนนอกสุด
อย่างไรก็ตาม เวทมนตร์ไม่เคยสัญญากับเราว่าทุกอย่างจะดีงาม ราบรื่นไปจนเส้นชัย ไม่ใช่เลย แต่นางสัญญาว่าจะอยู่ข้างเราเสมอ และจะทำทุกอย่างที่อยู่ในอำนาจของนางเพื่ออุ้มชูเราขึ้น
แม้ขณะที่เราถูกตรึงกางเขน นางก็จะอยู่ที่นั่น เพราะนางอยู่ที่นั่นเสมอตั้งแต่เราหายใจเข้าเป็นครั้งแรก และจะอยู่ไปตลอดจนเราหายใจออกเป็นครั้งสุดท้าย และนางจะอยู่เรื่อยไปกับเราแม้หลังจากนั้นอีกด้วย จนกระทั่งจักรวาลนี้ถึงกาลปวสาน